Botox

หัตถการอันดับต้นๆที่นำมาใช้ปรับรูปหน้าเรียว ลดริ้วรอย ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในไทย

Botox

หัตถการอันดับต้นๆที่นำมาใช้ปรับรูปหน้าเรียว ลดริ้วรอย ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในไทย

About Botox

โบท็อก คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) โบท็อกถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ลดการขยับของกล้ามเนื้อ ช่วยลดริ้วรอย ลดกราม ปรับรูปหน้าและทำให้ผิวเต่งตึง ฉีดโบท็อกซ์ อันตรายไหม ? อยากฉีดโบท็อกอย่างปลอดภัยต้องรู้อะไรบ้าง ?

ปัญหาเรื่องฉีดโบท็อก ส่วนใหญ่ที่คนไข้กังวลมักเกิดจากการเห็นผลลัพธ์ไม่ดีจากคนอื่นที่เคยฉีดมาหรือตามที่ออกข่าว ไม่ว่าจะเป็นหน้าแข็ง ยิ้มไม่ได้ ไม่เป็นธรรมชาติแต่ในความเป็นจริงไม่ใช่หมอทุกคนที่ฉีดออกมาแล้วเป็นแบบนั้น ขึ้นอยู่กับเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์แต่ละคน ถ้าฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และคลินิกที่ได้มาตรฐานก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย

1. การฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย (Wrinkles) ส่วนมากจะใช้กับริ้วรอยเหี่ยวย่น ได้แก่ รอยขวางบริเวณหน้าผาก หัวคิ้ว หรือ รอยย่นจากการขมวดคิ้ว หางตา ใต้ตา นอกจากนี้ยังสามารถใช้ลดรอยย่นบริเวณ สันจมูก ช่วยลดความหนาของร่องแก้ม เป็นต้น โดยหลังฉีดจะสามารถเริ่มสังเกตว่าริ้วรอยลดน้อยลงในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ และจะเห็นผลชัดเจนที่สุดประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด

การฉีดลดริ้วรอยบริเวณ upper face นี้ สามารถ design ได้ให้เหมาะกับรูปหน้าของแต่ละคน เพื่อให้ออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุด อาจจะช่วยปรับลดให้โหนกแก้มเล็กลง หรือยกให้สูงขึ้นก็ได้ แล้วแต่บุคคล สามารถฉีดโบท็อกซ์ปรับแต่งรูปคิ้ว หรือ ยกคิ้วตามที่ต้องการ ลดปัญหาถุงใต้ตา ปรับให้ดวงตาดูกลมและโตขึ้น ตามที่ต้องการ

2. การฉีด Botox เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง (Square Jaw Reduction) เหมาะกับคนที่มีปัญหากล้ามเนื้อตรงขอบขากรรไกรขนาดใหญ่ ซึ่งปัญหานี้อาจจะเกิดจากคนที่ชอบทานอาหารแข็งๆ หรือเหนียวบ่อยๆ คนที่นอนกัดฟัน หรือคนที่มีปัญหาการสบฟัน การฉีด Botox สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณนี้มีขนาดเล็กลง ทำให้หน้าดูเรียวขึ้นได้ สามารถฉีดซ้ำได้ทุกประมาณ 4 – 6 เดือน การฉีดต่อเนื่องจะทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลงและระยะห่างอาจจะนานขึ้น

3. การฉีด Botox เพื่อการยกกระชับผิวหน้าและลำคอ (Nefertiti Lift) บริเวณขอบหน้าส่วนล่างและลำคอ จะมีกล้ามเนื้อพาดอยู่บริเวณดังกล่าว การฉีด Botox บริเวณนี้ ต้องอาศัยเทคนิคเฉพาะเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ผลที่ได้จะทำให้ใบหน้าดูกระชับมากขึ้น ลดความหย่อนคล้อยของบริเวณแก้ม เห็นขอบหน้าชัดขึ้น มุมปากยกขึ้น รวมทั้งผิวบริเวณลำคอ หรือรอยย่นบริเวณหน้าอก ดูตึง และเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น

4. การฉีด Botox ช่วยกระชับรูขุมขน (Microbotox) การฉีด Botox วิธีนี้จะช่วยให้ผิวบริเวณแก้มและใต้ตามีความกระชับและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถลดปริมาณเหงื่อ และอาการหน้ามันลงได้ด้วย แต่อาจจะต้องทำต่อเนื่องทุก 2 – 3 เดือน ผลที่ได้จะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเป็นที่พอใจแล้ว ก็อาจจะกลับมาฉีดซ้ำทุก 6 เดือน

5. การฉีด Botox ในบริเวณอื่น ๆ เช่น ช่วยลดรอยย่นบริเวณรอบปาก หรือรอยย่นบริเวณคาง ช่วยปรับรูปคางให้ได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น ลดขนาดของปีกจมูก ลดปัญหาคางสองชั้น

6. การฉีด Botox ลดขนาดน่อง ในรายที่ขาค่อนข้างใหญ่จากกล้ามเนื้อบริเวณน่อง

7. การฉีด Botox ลดเหงื่อ (Hyperhidrosis) บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า คอ หน้าอกและแผ่นหลัง พบว่าได้ผลที่ดีมาก

อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์นั้น ผลจะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือน เมื่อหมดฤทธิ์ยา อาจจะต้องกลับมาฉีดซ้ำใหม่ แต่ข้อดีก็คือ ถือเป็นการชะลอวัยแบบหนึ่ง เพราะในช่วงที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์นั้น ทำให้ป้องกันไม่ให้เกิดรอยเหี่ยวย่น เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ว่าเมื่อหมดฤทธิ์แล้ว แต่ผู้ป่วยไม่ได้ฉีดต่อเนื่อง สภาพริ้วรอย ก็จะไม่มากไปกว่าสภาพ ณ ก่อนฉีด แต่ในทางตรงกันข้าม หากผู้ป่วยมารับการฉีดโบท็อกซ์ต่อเนื่อง ตามที่แพทย์นัด สภาพริ้วรอยและสภาพผิวหน้าจะยังเหมือนเดิมไปตลอดแม้เวลาผ่านไป ทั้งสามารถทำให้ฤทธิ์ของโบท็อกซ์อยู่ได้นานมากขึ้นหลังการฉีดต่อเนื่องประมาณ 4 – 5 ครั้งอีกด้วย

ปัจจุบันมี Botox จำนวนมากหลายยี่ห้อ แต่ที่มีการใช้มาเป็นระยะเวลานานและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก คือ Botulinum Toxin Type A ที่ผลิตจากอเมริกา (Botox) ส่วน Botox ยี่ห้ออื่นที่พึ่งมีมาไม่นานนี้ มีหลากหลายยี่ห้อจากหลายประเทศ และเป็นที่แพร่หลายตามคลินิกทั่วๆ ไป เนื่องจากราคาค่อนข้างถูก แต่ผลการรักษาอาจคลาดเคลื่อนออกไปจากที่ควรจะเป็น รวมทั้งยังอาจมีผลข้างเคียงที่อันตรายได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบว่า Botox ยี่ห้ออื่น อาจจะมีส่วนประกอบบางอย่างที่ชักนำให้เกิดการดื้อยา ทำให้การฉีด Botox ในครั้งหลังๆ ไม่ได้ผลตามที่ควรจะเป็น